หน้าเว็บ

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 06, 2560

การเขียนนิยายและเนื้อเรื่องการ์ตูน ตอนที่ 2:การสร้างคาแร็คเตอร์

หัวข้อ character building technique จาก novel writing workshop โดย Steve Alcorn
สิ่งที่ต้องบอกในการแต่งเรื่องของเราเพื่อให้เรื่องของเราสมบูรณ์และสมจริงมากขึ้น
 

-เพศ ชายหรือหญิง

เช่น นิยายรักส่วนมากตัวเอกจะเป็นผู้หญิงเพราะผู้หญิงอยากมีส่วนร่วมในอารมณ์นิยาย ส่วนโรแมนติคคอเมดี้ นั้นตัวเอกมักจะเป็นผู้ชายเพราะว่าผู้หญิงอยากให้ผู้ชายเปลี่ยนเพื่อตัวเอง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์จึงเป็นหัวใจของเรื่อง ดังนั้นเพศจึงเป็นสิ่งสำคัญสิ่งแรกของตัวเอกในการที่คุณจะเลือกมาใช้ในการดำเนินเรื่อง ในเรื่อง Seraphim Torus ตัวเอกเป็นหญิง
 

-อายุ

 
ของคาแร็คเตอร์ หนุ่มหรือแก่มีความแตกต่างกัน คาแร็คเตอร์ที่บรรยายนิยายถ้าอายุแตกต่างกันก็จะแตกต่างกัน นิยายหรือเรื่องที่เล่าโดยเด็กหญิงอายุเก้าขวบ เป็นเรื่องของเด็กหญิง 9 ขวบ จึงแตกต่างจากนิยายที่ตัวเอกอายุ 18 อายุ 30 ปี โทนเสียงของคาแร็คเตอร์ก็จะแตกต่างกันไป อายุของไกอา ตัวเอกนิยาย อายุ 18 ปีค่ะ

-เป้าหมายของคาแร็คเตอร์

เช่น ตัวเอกกำลังไปธนาคารเพื่อถอนเงิน หรือเป้าหมายระยะยาวเช่นหญิงสาวอายุ 25 ต้องการหาชายในอุดมคติเพื่อมาเป็นคู่ครอง การให้คาแร็คเตอร์มีเป้าหมาย จะทำให้คาแร็คเตอร์ดูสมจริง เป้าหมายของคาแร็คเตอร์ เอาตัวรอดจากการตามล่าของทอรัส

-จุดอ่อน

คาแร็คเตอร์ที่สมบูรณ์เกินไปไม่น่าสนใจ ทำให้มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับคาแร็คเตอร์ถ้าเป็นไปได้ จุดอ่อนไกอาคือความไม่มั่นใจ

-backstory

คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาแร็คเตอร์ก่อนนิยายเรื่องนี้จะเกิดขึ้น อะไรที่ทำให้คาแร็คเตอร์กลายเป็นคนอย่างที่เขาเป็นในปัจจุบันควรเป็นการนำประสบการณ์ตอนเด็กของคุณ มาผสมกับสิ่งที่คุณได้ยิน ได้เห็นในสื่อต่างๆ และอ่านหนังสือ นี่เป็นวิธีในการสร้างคาแร็คเตอร์ที่สมจริง วิธีที่พ่อแม่เลี้ยงดู และมีปฎิสัมพันธ์กับตัวละครเมื่อยังเด็ก สำหรับไกอามีปมอยู่ 2-3 ปมนั่นก็คือการกลัวเลือด กลัวความเจ็บปวด และไม่มั่นใจในตัวเอง มาจากการที่ปู่ของเธอเป็นหมอ แล้วเธอก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นหมอเหมือนกัน จนกระทั่งมัธยมปลายเธอต้องผ่าหัวใจหมู เธอสะอิดสะเอียน เห็นภาพหมูถูกเชือดในหัวจากสารคดีที่เคยดูชัดเจน นอกจากนี้ไกอายังชอบอ่านข่าว โดยเฉพาะข่าวอาชญากรรม เนื่องจากเธอเป็นคนระแวดระวังตัวมากเธอกลัวเจ็บ กลัวบาดแผลทุกประเภท พ่อแม่เลี้ยงเธอมาแบบควบคุมทุกอย่าง ไม่ค่อยให้เธอได้ตัดสินใจเอง จึงขาดความมั่นใจ

-ลักษณะทางกายภาพของคาแร็คเตอร์

คุณอาจจะคิดว่าลักษณะทางกายภาพของคาแร็คเตอร์เป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างเรื่อง แต่จริงๆไม่เลย เพราะผู้อ่านมักจะพร้อมที่จะจินตนาการไปในทิศทางที่เขาอยากให้เป็นอยู่แล้ว อย่างเช่นถ้าเราเขียนโดยเปิดให้คนอ่านจินตนาการบ้าง เขาจะจินตนาการไปในทางที่เขาเชื่อมากกว่าสิ่งที่เราบังคับให้เชาเชื่อว่าคาแร็คเตอร์จะต้องเป็นอย่างไร เวลาที่คนอ่าน อ่านเรื่อง เขาอยากที่จะเป็นหนึ่งในตัวเอกของเรื่อง อย่างเช่นถ้าตัวเอกเป็นผู้ชาย เราก็จะจินตนาการว่าถ้าเราเป็นตัวเอกตัวนั้นจะเป็นอย่างไร หรือถ้าเป็นผู้หญิง เราก็อาจจะรู้สึกว่าตัวเอกตัวนี้เหมือนเรา เป็นต้น ดังนั้นถ้าเราอธิบายให้ตัวเอกมีลักษณะเหมือนเราเกินไป มันก็จะยากที่จะเปิดช่องให้คนอ่านจินตนาการลักษณะทางกายภาพ ดังนั้นอย่ากังวลมากไปเกี่ยวกับการบรรยายเรื่องลักษณะทางกายภาพ

-ชื่อ

สร้างให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เลือกชื่อให้ดีๆ แล้วก็ชื่ออย่างสมชาย สมศักดิ์ดูเป็นชื่อที่เป็นมิตรเพราะเห็นได้ทั่วไป ส่วน ไกอา เอ็กโซดัส ถือเป็นชื่อที่แปลกและเน้นความเท่ เวลาพูด


-Stereotypes

เช่น การที่เป็นคนแบบลักษณะนี้จะต้องมีนิสัยแบบนี้ จริงๆเราควรหลีกเลี้ยงเรื่องนี้ถ้าทำได้ หรือบางทีเราอาจจะต้องการในเนื้อเรื่อง เช่น ร่างท้วม หน้าเหมือนกอริลล่าแบบไจแอนท์ต้องเป็นคนขี้รังแก เป็นต้น แต่ถ้าคาแรคเตอร์นั้นเป็นคาแรคเตอร์เล็กๆตัวประกอบที่ไม่สำคัญนัก เราอาจจะบรรยาย stereotype ไปเพื่อจะบอกว่าคนๆนี้เป็นลักษณะนี้ ผู้อ่านจะสามารถเติมเต็มลักษณะของเขาได้เอง ดังนั้นมันโอเคที่จะใช้ stereotypes ถ้าคุณไม่ได้ใช้เยอะเกินไปในเรื่อง


-แสดง อย่า บอก

ก็คือ เวลาที่เราบรรยายถึงคาแรคเตอร์ คนไม่ชอบให้คุณบรรยายทุกอย่างทั้งหมดของคาแร็คเตอร์เพราะมันน่าเบื่อ เช่น การจะบอกว่าไกอา ชอบดอกไม้หอม เราจะบอกตรงๆไม่ได้ เราต้องพูดว่า ไกอาเช้าไปในท้องทุ่ง ได้กลิ่นดอกไม้ เธอรู้สึกครึ้มใจมากจึงสูดดมเข้าไปเต็มปอด มันเป็นกลิ่นดอกกุหลาบขาวที่บานเต็มท้องทุ่งหญ้าสีขาวโพลนดุจหิมะ ในกรณีนี้ มันชัดเจนถึงขนาดที่บอกว่าเธอชอบกลิ่นดอกอะไร คนไม่ชอบให้บอกเขา แต่ชอบให้แสดงให้เห็นมากกว่า

 
เวิร์คชอป
เบิร์ด เกลียดมากที่แท็กซี่เปิดเพลงเสียงดังๆลั่นรถและเขาเกลียดการไปสายที่สุดโชคร้ายที่เจอทั้งสองอย่างเราจะเขียนเรื่องนี้ ให้เป็นการแสดง อย่า บอก ยังไง?
 
เบิร์ดนัดลูกค้าไว้ 9 โมง เขาจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า และออกมาเรียกแท็กซี่ตอนหกโมงเช้า เมื่อขึ้นแท็กซี่ เขานั่งหน้ามุ่ยตลอดทางเพราะแท็กซี่เปิดเพลงลูกทุ่งเสียงระดับดังสุดจนลำโพงแทบแตก เขาจึงเอาหูฟังมาเสียบแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เขาจึงบอกแท็กซี่
“พี่ปิดเพลงได้ปะ มันหนวกหูครับ”
“อะไรน้อง แค่นี้ทนไม่ได้ ลงไปเลย” ในขณะนั้นเขาอยู่กลางซอยเปลี่ยวที่ไม่มีรถผ่านเลย และเขาไปหาลูกค้าสาย จึงอารมณ์เสียทั้งวัน


from WordPress http://ift.tt/2jSRN3E
via IFTTT

ไม่มีความคิดเห็น: