ในบทความนี้ เราจะอธิบายพื้นฐานของการเขียนเนื้อเรื่องสำหรับคอมิคของคุณ มันไม่มีวิธีทีถูกต้องวิธีเดียวในการที่จะทำสิ่งนี้ ดังนั้นเอาสิ่งที่มันใช้ได้สำหรับคุณและทิ้งที่เหลือไป เริ่มต้นก่อน เราต้องการที่จะปูพื้นฐานบางอย่าง
ทำคอมิคเพื่อตัวเองก่อน คนดูเป็นเรื่องรอง
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องจำ ไม่ว่าคุณจะทำคอมิคหรือจะเป็นงานวาดอื่นๆก็ตาม
ถ้าคุณสร้างงานโดยมีพื้นฐานมาจากสิ่งที่คุณคิดว่าคนจะซื้อในตอนท้ายสุดคุณจะไม่เติมเต็มในฐานะนักวาดและคุณจะเบื่อสิ่งที่คุณทำในท้ายที่สุด พยายามทำคอมิคเพื่อตัวคุณเองก่อน ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและสนใจ ถ้าคุณรักคอมิค มันจะแสดงออกมา ถ้าคุณทำคอมิคเฉพาะกลุ่มเพราะคิดว่ามันจะขายได้ และมันขายไม่ได้เพราะว่าเรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณมีความหลงใหล และผู้คนก็จะสังเกตุได้
เราเป็นคนจริงจังและคอมิคหรือนิยายของเรามักจะสะท้อนสิ่งนั้นออกมา โดยมากไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจ ลองดูเนื้อหา Seraphim Torus ดีๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับมิติ จิตวิทยา การคุยกับเสียงในหัวซึ่งเป็นอาการทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ดวงดาว จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสนใจ และไม่ใช่กระแสส่วนใหญ่ของสังคม
story เกี่ยวกับอะไร?
หน้าที่ของคุณในฐานะนักเขียนการ์ตูนคือการบอกเนื้อเรื่อง มันอาจจะง่ายขนาดเป็นแค่โจ๊กประจำวันที่มี 4 ช่องที่จะปล่อยมุขเด็ด หรือมันอาจจะเป็นคอมิค 22 หน้า ที่มีโครงสร้าง 3 act และมีหลายๆเล่ม มันไม่สำคัญว่าคุณเป็นนักเขียนหรือนักวาด การเล่าเรื่องเป็นกุญแจของทุกอย่างในการสร้างคอมิค ถ้าคนอ่านไม่สามารถติดตามการไหลระหว่างช่องไปอีกช่องหนึ่ง หรือว่าพล็อคนั้นไร้ซึ่งความมีเหตุผล หรือถ้าบทสนทนานั้นเยอะเกินไป คนจะสับสนและเลิกอ่านคอมิคของคุณ
สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ เมื่อเขียนเรื่องของคอมิคคุณ ก็คือการเขียน “Elevetor Pitch” ให้มัน(มันคือสิ่งที่ใช้เวลาพรีเซนต์บุคคลที่เราเจอในลิฟท์ภายในเวลา 5 นาที เป็นคำเปรียบเทียบค่ะก็คือการพรีเซนต์อย่างเร็วๆ) อันนี้เป็นของเรา เด็กสาวอายุ 18 คนหนึ่งได้ยินเสียงจากในหัวบอกว่าเป็นโซลเมทของเธอและกำลังจะถูกตามล่า
ส่วนต่อไปคือ เขียนประโยคสองสามประโยคที่แสดงคาแร็คเตอร์แต่ละตัว ตั้งแต่บุคลิคภาพ ไปจนถึงสิ่งที่พวกเขาชอบและไม่ชอบ อะไรที่ทำให้พวกเขาสนใจ อะไรที่เป็นแรงกระตุ้นของพวกเขา มีข้อมูลมากเท่าไรที่คุณมีเกี่ยวกับคาแร็คเตอร์ มันก็ง่ายกว่าในการที่คุณจะวาดมันออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณต้องการที่จะให้เขาตอบสนองในทางใดทางหนึ่งโต้ตอบกับองค์ประกอบบางอย่างในเนื้อเรื่อง
ส่วนสุดท้าย สร้างโลกที่พวกคาแร็คเตอร์อยู่ ปริมาณของรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับประเภทของคอมิคที่คุณทำ คุณไม่จำเป็นต้องไปถึงระดับ J.R.R Tolkien ถ้าคุณเขียนเรื่องตลกประจำวัน มันไม่ได้ต้องการฉากหลังที่มีรายละเอียดมากเลย แต่การ์ตูนแฟนตาซีที่มีเนื้อหาหลายเล่มต้องการ ในขณะนี้ โฟกัสที่สิ่งที่จำเป็น สถานที่ที่คาแร็คเตอร์ไปบ่อยๆ และออกแบบสถานที่ๆคาแร็คเตอร์ไปน้อยลงเมื่อคุณต้องการมัน
ทำการระดมสมอง แน่ใจว่าคุณเขียนทุกอย่างลงไปที่เข้ามาในหัว เพราะคุณสามารถกลับมาและใช้มันทีหลัง วิธีแรกที่ง่าย เขียนประโยคหรือไอเดียเดียว ถ้าคุณไม่อยากจะยุ่งยากกับรายละเอียด ยิ่งคุณมีข้อมูลมากในตอนต้นเท่าไร เวลาคุณเขียนคอมิคก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น
การเขียนสคริปต์คอมิค
มีข้อมูลต่างๆทั้ง offline และ online ที่จะสอนให้คุณรู้เกี่ยวกับการเขียนบท แต่ว่าเป็นโชคดีของการเขียนสคริปต์ของคอมิค
ถึงแม้ว่านักเขียนการ์ตูนที่ทำงานให้บริษัทใหญ่ๆจะทำการจัดรูปแบบของคอมิคเขาให้คล้ายคลึงกับบทหนัง แต่มันก็ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน
และถ้าคุณเขียนคอมิคตัวเองอย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเว็บคอมิคหรือฉบับพิมพ์ คุณอาจจะมีอิสระมากกว่าในการเขียนสคริปต์ของคอมิค หลังจากนั้นคุณเป็นคนเดียวที่สามารถที่จะใช้มัน
การทำงานกับสมาชิกในทีมต้องการความชัดเจน ความเป็นมาตรฐานถ้าหากนักเขียนนั้นตั้งใจที่จะทำให้นักวาดเข้าใจอย่างแท้จริง
เราจะเริ่มกับมาตรฐานสมมติในการเขียนสคริปต์คอมิค หลังจากนั้นเราจะแชร์วิธีการของเราเพื่อจะทำให้คุณเห็นไอเดียว่า กระบวนการนี้นั้นง่ายแค่ไหน
และเพื่อที่แสดงกระบวนการนี้ Lora และคริส ได้ให้ตัวอย่างคอมิคสคริปต์ของพวกเขาในลิงค์ด้านล่าง
นักอ่านปกติของเราจะไม่แปลกใจที่จะได้ยินพวกเราพูดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะเขียนคอมิคสคริปต์ของคุณ ถ้าคุณไม่เรียนรู้5 สิ่งต่อไปนี้
ดังนั้นถ้าคุณมีตัวละครที่น่าสนใจ, ไอเดียแจ่ม และแผนการสำหรับเนื้อเรื่องที่คุณต้องการจะสื่อ
ร่างโครงของคอมิคสคริปต์ของคุณ:
อย่าเขียนคอมิคโดยการที่ไม่มีโครงเรื่องชัดเจน
โครงเรื่องที่ชัดเจนนั้นรวมไปถึงแผนการตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วงกลางและช่วงท้ายของเนื้อเรื่อง เพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ ให้คุณไปฟังThe Ocean and Story Structure.
สิ่งที่สำคัญที่สุดของโครงเรื่องก็คือ จุดเปลี่ยนระหว่างคาแร็คเตอร์แรกและคาแร็คเตอร์ที่สองของคุณ สิ่งเหล่านั้นต้องมีการบ่งบอกอย่างชุดเจน เราแนะนำให้คุณเขียนกราฟทางอารมณ์ของคาแร็คเตอร์แต่ละตัว
กราฟแสดงอารมณ์จะช่วยให้คุณวางแผนว่าคาแร็คเตอร์คุณจะอยู่ตรงไหนในช่วงอารมณ์ในแต่ละช่วงของเนื้อเรื่อง ทำให้คาแร็คเตอร์มีการเคลื่อนไหวทางอารมณ์แล้วคุณจะทำให้ผู้อ่านของคุณนั้นอิน
ทำให้แน่ใจว่าคุณได้สร้างเวลาของสิ่งที่จำเป็นและได้รับผลลัพธ์ทั้งพล็อตและคาแร็คเตอร์
ไม่ว่าคุณจะเขียนคอมิคเล่มเดียวหรือหลายเล่มอย่างสไปเดอร์แมน ,กราฟิคโนเวลเล่มเดียวหรือซีรีย์ห้าเล่ม เราแนะนำให้คุณใช้โครงสร้าง Three-act (จะพูดถึงในบทถัดๆไปค่ะ)
มีหนังสือมากมายในท้องตลาดที่มีโครงสร้างแบบ Three act แต่เราแนะนำ Save The Cat by Blake Snyder เป็นตัวอย่างที่ดีในการเริ่มต้น
โครงสร้าง Three-act หรือ 3 องค์นั้นดีเพราะว่ามันยืดหยุนพอที่จะยืดขยายความยาวของเนื้อเรื่องไม่ว่าคุณจะเขียนอะไรก็ตาม
คุณสามารถประยุกต์โครงสร้าง 3 องค์ในเรื่องอนิเมชัน,ไตรภาคหรือนิยายหรือซีรีย์ทั้งซีซัน แม้ฉากเดียวภายในเรื่องก็ประกอบไปด้วยโครงสร้าง 3 องค์
อย่างน้อยอันที่ดีก็เป็นแบบนั้น
คาดหวังความเปลี่ยนแปลง:
คุณจะหลงทางจากโครงเรื่องจากจุดเริ่มต้น
ทุกๆถนนที่มีความยาวต้องการแผนที่ดังนั้นผู้ขับขี่จะไม่หลงไปกลางทาง และการเขียนสคริปต์ใดๆ ที่มีการเล่าเรื่องที่ดี เป็นถนนที่มีความยาวมาก แน่นอนคุณอาจจะเห็นจุดที่ต้องการหยุดและแล้วอ้อม คุณอาจจะถึงกับเปลี่ยนใจกับจุดมุ่งหมายปลายทางสูงสุดของคุณ
แต่ถ้าคุณขับรถสุ่มๆโดยไม่มีแผน ผู้โดยสาร(หรือคนอ่าน)ของคุณ ก็จะรู้สึกเหนื่อย มีกลิ่นตัว หิว เขาจะคิดอีกทีถ้าต้องไปไหนมาไหนกับคุณอีก
การไม่มีแผนที่นั้น ไม่มีคำตอบว่าเราไปถึงหรือยัง
เรื่องที่ดีนั้นต้องบอกว่าเมื่อไรคุณถึงจะถึงจุดมุ่งหมาย อย่าให้ผู้โดยสารของคุณเดาว่าเขาไปถึงหรือยัง
เรื่องราวที่ดีนั้นเหมือนกับป้ายที่บอกตลอดทางต่วนว่ากี่ก.มจะถึงจุดหมาย มันทำให้คุณรู้ความยาวและจดจ่อเมื่อตอนจบใกล้จะมาถึง
ทันใดนั้นส้วมเหม็นๆของปั๊มน้ำมันก็มีคุณค่าขึ้นมาทันที
แฟนของเบลค ขไนเดอร์ สามารถใช้วิธีที่เขาใช้ในเรื่อง Save the cat และสร้างกระดาษโน็ต ในโปรแกรม Scrivener กระดาษโน็ตสามารถสับไปมาได้เพื่อจะจัดเรียงไปตามที่คุณต้องการ และเมื่อคุณพอใจกับโครงเรื่องของคุณและพร้อมที่จะเขียน กระดาษโน็ตแต่ละอันจะกลายเป็นฉากของมัน
เมื่อคุณพร้อมที่จะเขียนสคริปต์:
คุณต้องตัดสินใจว่ารูปแบบไหนที่คุณต้องการใช้
คุณจะใช้รูปแบบของคอมิคสคริปต์ในรูปแบบที่สำนักพิมพ์ใหญ่ๆใช้ตอนที่เราเริ่มบทความนี้แรกๆหรือไม่ หรือคุณจะใช้บางอย่างที่แตกต่างออกไป
อะไรก็ตามที่คุณกำลังทำ เขียนให้มากกว่า 1 โครงร่าง เขียนโครงร่างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนที่จะเขียนเดดไลน์
จำไว้ว่าคุณสามารถทำให้เรื่องนั้นดีขึ้นได้เสมอ
Download The Dreamer Script Sample
Download The Prehistoric Sideshow Script Sample.
ในดาวน์โหลดทั้งสอง คริสและลอร่าได้ใส่หน้าคอมิคเข้าไปด้วย คุณจะได้เทียบได้
เรื่องก่อน เลย์เอาท์ทีหลัง:
Because I (Chris) come from a film background, I’m more comfortable writing in screenplay format with the Final Draft screenplay software I’ve grown accustomed to over the years.
“เพราะผม(คริส)มาจากอุตสาหกรรมฟิล์ม ดังนั้นผมจึงคุ้นเคยในการเขียนกับโปรแกรมอย่าง final draft ซึ่งเป็นโปรแกรมการเขียนบทที่ผมคุ้นเคยมานานหลายปี”
“ฉัน(ลอร่า)ทำงานคล้ายๆกัน สคริปต์ที่ยาวต่อเนื่องกันโดยแยกหน้ากันในทีเดียวโดยใช้ Scrivener แทนที่จะเป็น final draft (programe นี้พี่มุ่ยใช้ค่ะ)”
เหมือนกับสไตล์การทำหนัง เราแนะนำให้คุณโฟกัสที่สคริปต์ทั้งหมดจนกว่าจะทำเสร็จ สิ่งหนึ่งที่ฮอลลีวูดได้พิสูจน์เป็นพันครั้งก็คือ หนังที่ออกมาแล้วจะห่วยถ้าคุณเริ่มถ่ายหนังก่อนจะมีโครงเรื่องที่เสร็จสมบูรณ์
มีจังหวะและเส้นทางที่การเขียนบทแบบมาตรฐานนั้นถูกรบกวนถ้าคุณคิดถึงช่องและหน้าเร็วเกินไป
เนื้อเรื่องควรมาจากสคริปต์คุณ และสคริปต์ต้องสร้างหน้าและช่อง
ในขณะที่เขียนดราฟสุดท้ายของสคริปต์คุณ เริ่มที่จะวางแผนหน้าคุณและช่องของคุณก่อนที่จะวาด
ถ้าคุณเป็นทั้งนักเขียนและนักวาดสำหรับเนื้อเรื่องของคุณไม่เกี่ยวว่าคุณจะทำให้งานสำเร็จออกมาสวยยังไง คุณหลีกเลี่ยงการเขียนใหม่เชิงภาพไม่ได้เมื่อคุณต้องเขียนหน้าคอมิค
คุณค้นพบทางที่ดีกว่าเสมอในการเล่าเรื่อง เมื่อดินสอของคุณจรดลงไปกับหน้าเปล่าๆ
วิธีการของคริส โอ็ตเลย์:
แก้ไขอย่างหนักระหว่างทาง
“ถ้าคุณเปรียบเทียบ Greg The Megabeaver’s Prehistoric Sideshow คอมิคสคริปต์ของผมกับหน้าคอมิค คุณจะพบว่าผมเปลี่ยนมันระหว่างทาง ผมมักจะทำวิธีนี้ในการแก้ไขหนังที่ผมถ่ายผมเปลี่ยนคำพูด การเดินทาง หรือแม้แต่การตัดฉากทั้งฉากขณะวาด ฉากที่ถูกตัดนั้นถูกเอาออกไปจากสคริปต์ เพื่อความต่อเนื่อง
ถ้าคุณสงสัยในสคริปต์ผม บทภาพยนตร์จะมีความเท่ากับคอมิคสาม,สี่หน้า”
อ้างอิง
http://ift.tt/2kBptzN
http://ift.tt/1yTW3z7
from WordPress http://ift.tt/2kMA5hh
via IFTTT
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น