หน้าเว็บ

วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 24, 2561

การเขียนเอาท์ไลน์นิยายและการ์ตูน 1

การเขียนเอาท์ไลน์(โครงเรื่อง)นิยายและการ์ตูน 1

-pantser vs.plotter
.
pantser คือคนที่ส่วนมากจะใช้วิธีการ improvisation ในการเขียนเรื่อง เขาจะตื่นเต้นเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่มีการวางแผนชัดเจน ข้อดีของการเป็น pantser คือ การลงมือเขียนทันที แต่ด้วยความที่ขาดการวางแผน ทำให้เวลาย้อนกลับมาดูงาน มักจะมีช่องโหว่แล้วต้องย้อนมาแก้อยู่บ่อยครั้ง
.
Plotter . คือ คนที่วางแผนพล็อตก่อนที่จะทำการเขียนทุกครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วแบบนี้ก็ให้ความตื่นเต้นไม่แพ้แบบแรกหรอก แต่ว่าข้อแตกต่างกันก็คือ การวางแผนนั้นถ้าหากมีอะไรที่แหม่งในเรื่องก็สามารถกลับมาดูที่โครงเรื่องได้ทันที
.
-Plot driven vs character driven
ผู้สอนมักจะจินตนาการเนื้อเรื่องกว้างๆก่อน แล้วใส่คาแรคเตอร์เข้าไป เช่น เครื่องบินตก ทุกคนติดเกาะ แล้วต้องหาทางอยู๋ร่วมกันให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องมีคนตาย แล้วพอใส่คาแรคเตอร์เข้าไป ก็จะเกิดเนื้อเรื่องขึ้นมา และถ้าเปลี่ยนคาแรคเตอร์ เรื่องที่เขียนก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน แล้วถ้าเราลองเอานิยายที่ชอบมาดู ถ้าหากเอาคาแรคเตอร์ออกแล้วเรื่องเปลี่ยน แปลว่านั่นคือ character driven ถ้าเอาออกแล้วเรื่องไม่เปลี่ยนแปลว่านั่นคือ plot driven
.
-วิธีการคิดเรื่องแบบง่ายๆ
ให้ใช้คำถาม “อะไรจะเกิดขึ้น….ถ้า….”
.
-จดแนวความคิดลงกระดาษ และถ้าต้องเขียนแผนที่ หรือวาดคาแรคเตอร์ ก็ต้องทำ เพื่อที่จะทำให้เนื้อเรื่องมีมิติมากขึ้น สามารถเขียนไทม์ไลน์ได้
.
ระดมสมองด้วย Cluster Brainstorming ทำคล้ายๆ mindmap ก็คือมีวงอยู่ตรงกลางวงนึง แล้วก็เขียนวงต่อๆไปให้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน แล้วก็วงที่อยู่ด้านนอกจะเป็นเรื่องเฉพาะทางขึ้นเรื่อยๆ เช่น เขียนเรื่องความสัมพันธ์ ต่อมาก็เป็นความรัก รักข้างเดียว รักข้างเดียวที่เป็นชายกับชาย ชายกับชายที่ไม่ลงรอยกัน เป็นต้น
.
-free writing
ให้เขียนอะไรก็ได้ หาเวลาที่เหมาะสม เขียนอะไรก็ได้ทีอ่ยากเขียน ไม่จำเป็นต้องให้ใครดู จะเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาก็ได้ เพื่อเป็นการฝึกให้ตัวเองนั้น อดทนกับเสียงค้านที่อยู่ในหัวตัวเอง แล้วเขียนมันออกมาให้จบให้ได้
.
จดเรื่องเส้นเรื่อง
เส้นเรื่องหรือ Dramatic element,elements of plot นั้น แบ่งออกเป็น
-background ส่วนนี้ตัวละครจะดำเนินเรื่องไปเรื่อย จะไม่มีอะไรน่าสนใจจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับตัวละครซึ่งเป็น begining force ที่ทำให้เกิดเนื้อเรื่องขึ้นมา
-เข้าสู่ rising action เส้นตรงนี้จะขึ้นลงขึ้นลง มีการคลี่คลายตามลำดับ แต่อาจจะยังไม่ได้คลี่คลายปมสุดท้ายที่เป็นปมขัดแย้งของตัวละคร
-Crisis ตัวละครเกิดหายนะ หรือว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และทำให้คนอ่าน หรือคนดูเครียดสุดๆ
-Climaxเหมือนกินขนมหวานชิ้นโต ก็คือจะเป็นช่วงที่เรื่องทั้งหมดคลี่คลาย ปมขัดแย้งหายไปเลย
-falling action (resolution) เคลียร์เนื้อเรื่องให้เรียบร้อย
-end จบ
.

The post การเขียนเอาท์ไลน์นิยายและการ์ตูน 1 appeared first on ILLUSTCOURSE-คอร์สเรียนวาดรูป,วาดภาพประกอบ,เรียนวาดการ์ตูน,เรียนสีน้ำและรวบรวมความรู้สำหรับผู้สนใจในการวาดภาพประกอบ,digital painting,character design.



from WordPress http://ift.tt/2BLf0wi
via IFTTT

การเขียนเอาท์ไลน์นิยายและการ์ตูน 1

การเขียนเอาท์ไลน์(โครงเรื่อง)นิยายและการ์ตูน 1

-pantser vs.plotter
.
pantser คือคนที่ส่วนมากจะใช้วิธีการ improvisation ในการเขียนเรื่อง เขาจะตื่นเต้นเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่มีการวางแผนชัดเจน ข้อดีของการเป็น pantser คือ การลงมือเขียนทันที แต่ด้วยความที่ขาดการวางแผน ทำให้เวลาย้อนกลับมาดูงาน มักจะมีช่องโหว่แล้วต้องย้อนมาแก้อยู่บ่อยครั้ง
.
Plotter . คือ คนที่วางแผนพล็อตก่อนที่จะทำการเขียนทุกครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วแบบนี้ก็ให้ความตื่นเต้นไม่แพ้แบบแรกหรอก แต่ว่าข้อแตกต่างกันก็คือ การวางแผนนั้นถ้าหากมีอะไรที่แหม่งในเรื่องก็สามารถกลับมาดูที่โครงเรื่องได้ทันที
.
-Plot driven vs character driven
ผู้สอนมักจะจินตนาการเนื้อเรื่องกว้างๆก่อน แล้วใส่คาแรคเตอร์เข้าไป เช่น เครื่องบินตก ทุกคนติดเกาะ แล้วต้องหาทางอยู๋ร่วมกันให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องมีคนตาย แล้วพอใส่คาแรคเตอร์เข้าไป ก็จะเกิดเนื้อเรื่องขึ้นมา และถ้าเปลี่ยนคาแรคเตอร์ เรื่องที่เขียนก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน แล้วถ้าเราลองเอานิยายที่ชอบมาดู ถ้าหากเอาคาแรคเตอร์ออกแล้วเรื่องเปลี่ยน แปลว่านั่นคือ character driven ถ้าเอาออกแล้วเรื่องไม่เปลี่ยนแปลว่านั่นคือ plot driven
.
-วิธีการคิดเรื่องแบบง่ายๆ
ให้ใช้คำถาม “อะไรจะเกิดขึ้น….ถ้า….”
.
-จดแนวความคิดลงกระดาษ และถ้าต้องเขียนแผนที่ หรือวาดคาแรคเตอร์ ก็ต้องทำ เพื่อที่จะทำให้เนื้อเรื่องมีมิติมากขึ้น สามารถเขียนไทม์ไลน์ได้
.
ระดมสมองด้วย Cluster Brainstorming ทำคล้ายๆ mindmap ก็คือมีวงอยู่ตรงกลางวงนึง แล้วก็เขียนวงต่อๆไปให้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน แล้วก็วงที่อยู่ด้านนอกจะเป็นเรื่องเฉพาะทางขึ้นเรื่อยๆ เช่น เขียนเรื่องความสัมพันธ์ ต่อมาก็เป็นความรัก รักข้างเดียว รักข้างเดียวที่เป็นชายกับชาย ชายกับชายที่ไม่ลงรอยกัน เป็นต้น
.
-free writing
ให้เขียนอะไรก็ได้ หาเวลาที่เหมาะสม เขียนอะไรก็ได้ทีอ่ยากเขียน ไม่จำเป็นต้องให้ใครดู จะเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาก็ได้ เพื่อเป็นการฝึกให้ตัวเองนั้น อดทนกับเสียงค้านที่อยู่ในหัวตัวเอง แล้วเขียนมันออกมาให้จบให้ได้
.
จดเรื่องเส้นเรื่อง
เส้นเรื่องหรือ Dramatic element,elements of plot นั้น แบ่งออกเป็น
-background ส่วนนี้ตัวละครจะดำเนินเรื่องไปเรื่อย จะไม่มีอะไรน่าสนใจจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับตัวละครซึ่งเป็น begining force ที่ทำให้เกิดเนื้อเรื่องขึ้นมา
-เข้าสู่ rising action เส้นตรงนี้จะขึ้นลงขึ้นลง มีการคลี่คลายตามลำดับ แต่อาจจะยังไม่ได้คลี่คลายปมสุดท้ายที่เป็นปมขัดแย้งของตัวละคร
-Crisis ตัวละครเกิดหายนะ หรือว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และทำให้คนอ่าน หรือคนดูเครียดสุดๆ
-Climaxเหมือนกินขนมหวานชิ้นโต ก็คือจะเป็นช่วงที่เรื่องทั้งหมดคลี่คลาย ปมขัดแย้งหายไปเลย
-falling action (resolution) เคลียร์เนื้อเรื่องให้เรียบร้อย
-end จบ
.

The post การเขียนเอาท์ไลน์นิยายและการ์ตูน 1 appeared first on ILLUSTCOURSE-คอร์สเรียนวาดรูป,วาดภาพประกอบ,เรียนวาดการ์ตูน,เรียนสีน้ำและรวบรวมความรู้สำหรับผู้สนใจในการวาดภาพประกอบ,digital painting,character design.



from WordPress http://ift.tt/2BLf0wi
via IFTTT

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 08, 2561

น้อยแต่มาก | ดิบแต่งาม เป็นยังไงกันนะ?

บอกตรงๆ แฮปปี้กับแนวเพนท์นี้มากกกกกสุดๆ
และเพิ่งเจอเทคนิคใหม่ด้วย
ช่วงนี้รู้สึกว่างานมันดูโอเคแล้วสำหรับตัวเรา คือชอบมากแล้ว
เหลือเกลาๆให้ลง สไตล์นี้นั้นเป็นอะไรที่
เหมาะกับนิสัยการทำงานเรามากสุดๆเลย
จริงๆมีอีกเยอะ แต่ไม่ได้โพสต์ที่อื่น
ใครสนใจ ดูงานในแกลเลอรี่ลับได้ที่
http://buymeacoffee.com/meisan
นะคะ
.


ถามว่าทำไมชอบเหรอ

ชอบงานแนวที่มันเอาไปทำสินค้าต่อได้โดยตรงเลยน่ะค่ะ
(ไม่ใช่งานคอนเซปต์) หมายถึงวาดแล้วเอาไปทำลายของอะไรสักอย่างแล้วมันสวย เอาไปแอพพลายด์เป็นภาพประกอบหนังสือ การ์ตูนได้ แล้วมันดูกลางๆมีกลิ่นการ์ตูนญี่ปุ่น ฝรั่งปนกันๆ ไม่ manga จ๋า ดีใจที่วาดรูปมาเรื่อยจนเจอที่หยุดตรงนี้สักที แล้วพัฒนาแนวนี้ต่อเลย ดีใจมากที่ยอมขายซินทีค เพื่อโฟกัสไอแพดโปร กับลงทุนซื้อหัวแปรงหลายเซ็ท ทดลองจนเจอที่ใช่
.
ต่อไปนี้จะไม่แข่งกับใครเรื่องเพนท์เก่งๆถึกๆแล้วนะ หยุดตรงนี้แหละวาดแบนๆ แสงเงานิดหน่อย เจอทางแล้ว วิ่งในเลนตัวเองพอ
.
กว่าจะเจอตัวเอง บอกตรงๆหลงทางมาเยอะค่ะ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราเป็นแนวไหนกันแน่ แต่จริงๆแนวเส้นถึกๆก็ยังทำอยู่นะ งานแนวนี้เอาไว้ทำดิจิตัลเฉยๆ
ถ้างานอาร์ท มันก็มีแนวของมันอยู่
.
แล้วเรื่องแปลกอย่างนึงเกิดขึ้น พอเราบอกว่าจะเลิกรับงานจ้าง ก็มีงานจ้างวิ่งเข้ามาเต็มเลย ทั้งงานวาด ทำเว็บ ทำคอนเทนต์ เลยไม่ได้เลิกรับสักที ^^; ก็คิดว่าถ้ามีก็ทำไปละกัน ไม่มีก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องคิดว่าจะเลิกรับงานจ้างอะไรแบบนี้หรอก จำกัดตัวเองไปเปล่าๆ มั้ง แต่เรารับเฉพาะลูกค้าที่เราโอเคด้วยนะ
.

ถามว่าทำไมไม่ชอบงานเพนท์ถึก

เราเองก็ชอบดูนะ แต่พอลองทำเองแล้ว รู้สึกว่า …มันต้องรู้เพิ่มอีกเยอะมากๆ (จริงๆศึกษาอยู่หมดแหละ ให้สอนสอนได้) แต่มันไม่ได้โฟกัสที่จุดแข็งที่เราเองสนใจเลย เช่น เรื่องการเลือกสีให้เด่น องค์ประกอบทางกราฟิค หรือ ความสวยงามเวลาเอาไปทำสินค้าอื่นๆ เราเลยไม่ได้สนใจแนวเพนท์ถึก และคิดว่า จะเลิกสอนแนวถึกๆด้วย คงไม่มีอีกแล้ว ถ้าอยากเรียนคงต้องไปเรียนที่อื่นจริงๆค่ะ
.
แต่เรื่องศึกษาพื้นเพิ่มก็คงศึกษาไปเรื่อยๆแหละค่ะ ส่วนคนที่ทำ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ก็ชอบดูนะ แต่ถ้าให้ทำ อย่างที่บอกคือ ไม่ชอบทำแนวนี้ แต่ที่เมื่อก่อนทำบ้าง เพราะว่าอยากทดสอบ challenge ความสามารถของตัวเอง แล้วก็พบว่า มันไม่ได้ชอบ ก็ไม่ไปต่อ เซย์กู้ดบายกันไป คำนิยามของเราคือ เราคิดว่าจะทำแนวกราฟิค อิลลัสเตรท ที่เป็นกลิ่น manga นิดๆ ฝรั่ง ไทย ฟิวชันกันไป

MY HERO(right now)

1.Daisuke DICE Tsusumi

คนนี้ตามงานมาตั้งแต่ทำ ROBOTS ของ Bluesky studios แล้ว แล้วรู้สึกว่า งานนี่อย่างแม่นเลย ปาดเดียวเห็นแสงเห็นอะไรหมด ข้อมูลใน 1 สโตรก มีเยอะมากๆ น่าสนใจมาก เราคิดว่า ถ้าพื้นฐานแน่นแล้ว มันเหมือน ZEN มันไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องเพนท์มากๆ หรือเพนท์เนียนๆ ก็สามารถทำให้ภาพสวยได้ เราชอบงานมีบรัชสโตรกมากกว่างานเกลี่ยเนียนๆนะ DICE สามารถทำงานได้เร็วมาก (ชอบคนทำงานเร็วๆ) ดูรู้ได้ไง เพราะ DICE ทำงานในวงการ Animation ล่าสุดที่เราตาม เราซื้อ Artbook COCO มา ก็มี DICE วาดภาพประกอบอยู่ในนั้น มันสวยมากๆ คือ มันแตกต่างจากนักวาดคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ทำน้อยกว่า ได้เยอะกว่า เพราะเขาแม่นพื้นฐานมากๆ แสงเงา อนาโตมี่ อื่นๆ พอสโตรกไปสโตรกเดียว มันใช่เลย
.


2.Pascal campion


เห็นรูปคนนี้แล้วเป็นอะไรไม่รู้ มืออยากกดแชร์ไปซะทุกรูป มันสวยมากๆ แบบไม่เยอะ ไม่ต้องเพนท์ถึกมากๆ แต่งานดูเวิร์คบนสินค้าต่างๆทันที งานแม่นมากๆ แบบสโตรกเดียวอยู่ เห็นข้อมูลเยอะเหมือนกัน
.


3.Uesugi Tadahiro


คนนี้สุดยอดจริงๆ ลายเส้นในอุดมคติเลยนะ มันดูแฟชัน ดูทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ดูวินเทจ แอบ grunge นิดๆ แต่เราอยากได้กลิ่น manga และไทย เพิ่มเติมจากคนนี้อีกหน่อย และเหมือนกับสองคนด้านบน คือแม่นมาก (ศึกษากันต่อไปค่ะ Orz) แม่นแบบสโตรกเดียว ป้าบ อยู่


.
มันมีคำนึงที่พี่แพค Sinwat Intararak พี่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เพราะเขาฟัง podcast เรา เขาพูดถึงเรื่องการเงิน ก็คือ บอกว่า

เรามีมีด มีดาบชั้นดีแล้ว แต่เราเอาไปหั่นอย่างอื่นอยู่

แทนที่เราจะนึกถึงเรื่องการเงิน เรากลับนึกถึงสไตล์การวาดมากกว่าแฮะ คือ เรารู้สึกว่า คำพูดนี้ เหมือน Tossaporn Tanadeerojkulก็เคยพูดกับเราว่า

มีมีดหั่นแซลมอน ก็เอาไปแล่แซลมอนให้มันเนียนๆ สามารถเอาไปปรุงปลาดิบได้ มีวัตถุดิบชั้นดี ที่กินแบบดิบๆก็ปรุงแบบดิบๆไม่ใช่ว่าพยายามทำให้มันสุกก่อน
.


นอกจากนี้เต้ยยังบอกเราอีกว่า ถ้าหากเรามีมะละกออยู่ในตู้เย็น เราสามารถเอามาทำส้มตำได้ แต่สิ่งที่เราทำสมัยก่อนคือ เราเอามะละกอดิบ มาเสริ์ฟคนเลย งานเรา Raw เกิน ไม่ผ่าน process การคิดและการตัดสินใจมากพอที่จะจบแบบ น้อยแต่มากหรือ Zen แบบนักวาดทั้งสามที่เป็นตัวอย่างได้
.
เรานึกถึงตัวเราสมัยก่อน ที่พยายามเก่งเรื่องสกิลให้มาก จนไปเจอเพดาน เพดานที่ว่าคือ ถ้าเราแข่งขันกับคนอื่นๆด้วยสกิล ด้วยทักษะ เราจะต้องอัพมันไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน กลับกัน เราคิดว่า หันมามองจุดแข็งตัวเอง จุดแข็งเราคือ

1.สี

2.เรามีเซนส์เรื่อง negative space เพราะทำงานวาดภาพมาเยอะมากระดับนึงจนมองออก

3.เราวิเคราะห์ตัวเองเป็น เพราะเราเป็นครู เราเลยรู้ว่าตัวเองชอบ หรือไม่ชอบอะไร หรือต้องไปแนวทางไหนค่ะ

The post น้อยแต่มาก | ดิบแต่งาม เป็นยังไงกันนะ? appeared first on ILLUSTCOURSE-คอร์สเรียนวาดรูป,วาดภาพประกอบ,เรียนวาดการ์ตูน,เรียนสีน้ำและรวบรวมความรู้สำหรับผู้สนใจในการวาดภาพประกอบ,digital painting,character design.



from WordPress http://ift.tt/2BKABpk
via IFTTT

น้อยแต่มาก | ดิบแต่งาม เป็นยังไงกันนะ?

บอกตรงๆ แฮปปี้กับแนวเพนท์นี้มากกกกกสุดๆ
และเพิ่งเจอเทคนิคใหม่ด้วย
ช่วงนี้รู้สึกว่างานมันดูโอเคแล้วสำหรับตัวเรา คือชอบมากแล้ว
เหลือเกลาๆให้ลง สไตล์นี้นั้นเป็นอะไรที่
เหมาะกับนิสัยการทำงานเรามากสุดๆเลย
จริงๆมีอีกเยอะ แต่ไม่ได้โพสต์ที่อื่น
ใครสนใจ ดูงานในแกลเลอรี่ลับได้ที่
http://buymeacoffee.com/meisan
นะคะ
.


ถามว่าทำไมชอบเหรอ

ชอบงานแนวที่มันเอาไปทำสินค้าต่อได้โดยตรงเลยน่ะค่ะ
(ไม่ใช่งานคอนเซปต์) หมายถึงวาดแล้วเอาไปทำลายของอะไรสักอย่างแล้วมันสวย เอาไปแอพพลายด์เป็นภาพประกอบหนังสือ การ์ตูนได้ แล้วมันดูกลางๆมีกลิ่นการ์ตูนญี่ปุ่น ฝรั่งปนกันๆ ไม่ manga จ๋า ดีใจที่วาดรูปมาเรื่อยจนเจอที่หยุดตรงนี้สักที แล้วพัฒนาแนวนี้ต่อเลย ดีใจมากที่ยอมขายซินทีค เพื่อโฟกัสไอแพดโปร กับลงทุนซื้อหัวแปรงหลายเซ็ท ทดลองจนเจอที่ใช่
.
ต่อไปนี้จะไม่แข่งกับใครเรื่องเพนท์เก่งๆถึกๆแล้วนะ หยุดตรงนี้แหละวาดแบนๆ แสงเงานิดหน่อย เจอทางแล้ว วิ่งในเลนตัวเองพอ
.
กว่าจะเจอตัวเอง บอกตรงๆหลงทางมาเยอะค่ะ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราเป็นแนวไหนกันแน่ แต่จริงๆแนวเส้นถึกๆก็ยังทำอยู่นะ งานแนวนี้เอาไว้ทำดิจิตัลเฉยๆ
ถ้างานอาร์ท มันก็มีแนวของมันอยู่
.
แล้วเรื่องแปลกอย่างนึงเกิดขึ้น พอเราบอกว่าจะเลิกรับงานจ้าง ก็มีงานจ้างวิ่งเข้ามาเต็มเลย ทั้งงานวาด ทำเว็บ ทำคอนเทนต์ เลยไม่ได้เลิกรับสักที ^^; ก็คิดว่าถ้ามีก็ทำไปละกัน ไม่มีก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องคิดว่าจะเลิกรับงานจ้างอะไรแบบนี้หรอก จำกัดตัวเองไปเปล่าๆ มั้ง แต่เรารับเฉพาะลูกค้าที่เราโอเคด้วยนะ
.

ถามว่าทำไมไม่ชอบงานเพนท์ถึก

เราเองก็ชอบดูนะ แต่พอลองทำเองแล้ว รู้สึกว่า …มันต้องรู้เพิ่มอีกเยอะมากๆ (จริงๆศึกษาอยู่หมดแหละ ให้สอนสอนได้) แต่มันไม่ได้โฟกัสที่จุดแข็งที่เราเองสนใจเลย เช่น เรื่องการเลือกสีให้เด่น องค์ประกอบทางกราฟิค หรือ ความสวยงามเวลาเอาไปทำสินค้าอื่นๆ เราเลยไม่ได้สนใจแนวเพนท์ถึก และคิดว่า จะเลิกสอนแนวถึกๆด้วย คงไม่มีอีกแล้ว ถ้าอยากเรียนคงต้องไปเรียนที่อื่นจริงๆค่ะ
.
แต่เรื่องศึกษาพื้นเพิ่มก็คงศึกษาไปเรื่อยๆแหละค่ะ ส่วนคนที่ทำ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ก็ชอบดูนะ แต่ถ้าให้ทำ อย่างที่บอกคือ ไม่ชอบทำแนวนี้ แต่ที่เมื่อก่อนทำบ้าง เพราะว่าอยากทดสอบ challenge ความสามารถของตัวเอง แล้วก็พบว่า มันไม่ได้ชอบ ก็ไม่ไปต่อ เซย์กู้ดบายกันไป คำนิยามของเราคือ เราคิดว่าจะทำแนวกราฟิค อิลลัสเตรท ที่เป็นกลิ่น manga นิดๆ ฝรั่ง ไทย ฟิวชันกันไป

MY HERO(right now)

1.Daisuke DICE Tsusumi

คนนี้ตามงานมาตั้งแต่ทำ ROBOTS ของ Bluesky studios แล้ว แล้วรู้สึกว่า งานนี่อย่างแม่นเลย ปาดเดียวเห็นแสงเห็นอะไรหมด ข้อมูลใน 1 สโตรก มีเยอะมากๆ น่าสนใจมาก เราคิดว่า ถ้าพื้นฐานแน่นแล้ว มันเหมือน ZEN มันไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องเพนท์มากๆ หรือเพนท์เนียนๆ ก็สามารถทำให้ภาพสวยได้ เราชอบงานมีบรัชสโตรกมากกว่างานเกลี่ยเนียนๆนะ DICE สามารถทำงานได้เร็วมาก (ชอบคนทำงานเร็วๆ) ดูรู้ได้ไง เพราะ DICE ทำงานในวงการ Animation ล่าสุดที่เราตาม เราซื้อ Artbook COCO มา ก็มี DICE วาดภาพประกอบอยู่ในนั้น มันสวยมากๆ คือ มันแตกต่างจากนักวาดคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ทำน้อยกว่า ได้เยอะกว่า เพราะเขาแม่นพื้นฐานมากๆ แสงเงา อนาโตมี่ อื่นๆ พอสโตรกไปสโตรกเดียว มันใช่เลย
.


2.Pascal campion


เห็นรูปคนนี้แล้วเป็นอะไรไม่รู้ มืออยากกดแชร์ไปซะทุกรูป มันสวยมากๆ แบบไม่เยอะ ไม่ต้องเพนท์ถึกมากๆ แต่งานดูเวิร์คบนสินค้าต่างๆทันที งานแม่นมากๆ แบบสโตรกเดียวอยู่ เห็นข้อมูลเยอะเหมือนกัน
.


3.Uesugi Tadahiro


คนนี้สุดยอดจริงๆ ลายเส้นในอุดมคติเลยนะ มันดูแฟชัน ดูทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ดูวินเทจ แอบ grunge นิดๆ แต่เราอยากได้กลิ่น manga และไทย เพิ่มเติมจากคนนี้อีกหน่อย และเหมือนกับสองคนด้านบน คือแม่นมาก (ศึกษากันต่อไปค่ะ Orz) แม่นแบบสโตรกเดียว ป้าบ อยู่


.
มันมีคำนึงที่พี่แพค Sinwat Intararak พี่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เพราะเขาฟัง podcast เรา เขาพูดถึงเรื่องการเงิน ก็คือ บอกว่า

เรามีมีด มีดาบชั้นดีแล้ว แต่เราเอาไปหั่นอย่างอื่นอยู่

แทนที่เราจะนึกถึงเรื่องการเงิน เรากลับนึกถึงสไตล์การวาดมากกว่าแฮะ คือ เรารู้สึกว่า คำพูดนี้ เหมือน Tossaporn Tanadeerojkulก็เคยพูดกับเราว่า

มีมีดหั่นแซลมอน ก็เอาไปแล่แซลมอนให้มันเนียนๆ สามารถเอาไปปรุงปลาดิบได้ มีวัตถุดิบชั้นดี ที่กินแบบดิบๆก็ปรุงแบบดิบๆไม่ใช่ว่าพยายามทำให้มันสุกก่อน
.


นอกจากนี้เต้ยยังบอกเราอีกว่า ถ้าหากเรามีมะละกออยู่ในตู้เย็น เราสามารถเอามาทำส้มตำได้ แต่สิ่งที่เราทำสมัยก่อนคือ เราเอามะละกอดิบ มาเสริ์ฟคนเลย งานเรา Raw เกิน ไม่ผ่าน process การคิดและการตัดสินใจมากพอที่จะจบแบบ น้อยแต่มากหรือ Zen แบบนักวาดทั้งสามที่เป็นตัวอย่างได้
.
เรานึกถึงตัวเราสมัยก่อน ที่พยายามเก่งเรื่องสกิลให้มาก จนไปเจอเพดาน เพดานที่ว่าคือ ถ้าเราแข่งขันกับคนอื่นๆด้วยสกิล ด้วยทักษะ เราจะต้องอัพมันไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน กลับกัน เราคิดว่า หันมามองจุดแข็งตัวเอง จุดแข็งเราคือ

1.สี

2.เรามีเซนส์เรื่อง negative space เพราะทำงานวาดภาพมาเยอะมากระดับนึงจนมองออก

3.เราวิเคราะห์ตัวเองเป็น เพราะเราเป็นครู เราเลยรู้ว่าตัวเองชอบ หรือไม่ชอบอะไร หรือต้องไปแนวทางไหนค่ะ

The post น้อยแต่มาก | ดิบแต่งาม เป็นยังไงกันนะ? appeared first on ILLUSTCOURSE-คอร์สเรียนวาดรูป,วาดภาพประกอบ,เรียนวาดการ์ตูน,เรียนสีน้ำและรวบรวมความรู้สำหรับผู้สนใจในการวาดภาพประกอบ,digital painting,character design.



from WordPress http://ift.tt/2BKABpk
via IFTTT

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 05, 2561

รีวิว Brush Procreate Basic toolkit & Midcentury โดย LisaBardot@Creative market

สวัสดีค่ะ วันนี้มาแนะนำหัวแปรงที่ใช้แล้วรู้สึกว่าดีมากเลยมาบอกต่อให้กับหลายๆคนได้ลองใช้กันบ้างค่ะ

รูปนี้ใช้คู่กับบรัชเซ็ท Nautika

placeholder://


วันนี้มาแนะนำหัวแปรง พี่มีเซ็ทของลิซ่าเกือบครบนะ แต่ใช้บ่อยอยู่สองเซ็ทหลัก(ลิงค์อยู่ด้านล่าง)
รูปทั้งหมดใช้อยู่ 2 เซ็ทนี้หลักๆ แต่ว่ามีเซ็ทอื่นๆเป็นเซ็ทตกแต่งด้วย ไว้จะมาแนะนำวันหลังค่ะ

  •  Blobby free,flow ใช้ขึ้นโครงดีมาก แล้วก็ตัว flow นั้น วาดขึ้นโครงคร่าวโดยการใช้สีระบายเป็นพื้นที่ใหญ่ๆก่อนได้ดี
    เพราะว่าตัว flow มี streamline ก็คือเกาะขอบเส้นชัด คม มือสั่นก็ไม่เป็นไร วาดได้
  • inker flow ใช้ทำรายละเอียดเส้นผมได้ดี มี streamline เหมือนกัน
    (จริงๆอยากให้บรัชไหนมีก็เข้าไปเซ็ทข้างในได้นะ)
  • Brushy line เป็นเส้นที่รายละเอียดดูเหมือนขาด เลยทำให้เส้นดูแนวๆได้ค่ะ
  • Edgy free,flow ใช้ทำรายละเอียดให้ขอบดูไม่คม เป็นธรรมชาติ เหมือนงานอเมริกันช่วง midcentury
    นอกนั้นไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ
    เป็นบรัชที่คุ้มค่ามาก เพราะทำให้เราเจอสไตล์อีกสไตล์ที่วาดเร็วมากๆและดูแฟชันหน่อยๆ
    ใครที่ต้องการสไตล์กึ่งๆฝรั่ง ลองใช้บรัชนี้ดูก็ไม่เสียหลายค่ะ เพราะว่ามันวาดได้เร็วอย่างที่บอก และดีมากๆด้วยทั้งสองเซ็ท

กดตามลิงค์ที่ภาพค่ะ ถ้าต้องการสนับสนุน illustcourse ซื้อผ่านลิงค์นี้ ทางเราจะได้ % การแนะนำค่ะ
เรามีนโยบายแนะนำเฉพาะสินค้าที่ใช้ดีจริงๆแล้วบอกต่อเท่านั้นค่ะ

The post รีวิว Brush Procreate Basic toolkit & Midcentury โดย LisaBardot@Creative market appeared first on ILLUSTCOURSE-คอร์สเรียนวาดรูป,วาดภาพประกอบ,เรียนวาดการ์ตูน,เรียนสีน้ำและรวบรวมความรู้สำหรับผู้สนใจในการวาดภาพประกอบ,digital painting,character design.



from WordPress http://ift.tt/2FHACYY
via IFTTT